สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสมุทรปราการ
เลขที่ 3/1 ถนนศรีสมุทร ซอย 1 ตำบลปากน้ำ
อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ 10270
โทรศัพท์ : 02-395-4269 Email : sp_ops@moc.go.th
“พาณิชย์”นัด 12 หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ระดมสมอง หาแนวทางสกัดทุนต่างชาติกินรวบ ทั้งนำสินค้าเข้ามาขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เก็บสินค้าเอง ขนส่งสินค้าเอง จนผู้ประกอบการไทยได้รับผลกระทบ เตรียมชงใช้กฎหมายกระทรวงดีอีจัดการ ขายออนไลน์ต้องแจ้ง และเตรียมนำสินค้าที่ขายไปตรวจสอบ หากพบไม่ได้มาตรฐาน ไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค สั่งห้ามขายทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ ว่า เร็ว ๆ นี้ กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมกาารค้าต่างประเทศ จะเชิญธุรกิจภาคบริการและธุรกิจด้านโลจิสติกส์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน มาประชุมหารือ ประมาณ 12 หน่วยงาน เพื่อรับฟังสถานการณ์ ปัญหา ข้อเสนอแนะแนวทางในการดูแลป้องกันในระยะสั้น กลาง และยาว สำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากกรณีที่คนต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจในไทย และใช้กลยุทธ์บริหารจัดการแบบครบวงจร ทั้งการนำเข้าสินค้าราคาต่ำ เปิดแพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้า และลงทุนด้านระบบคลังสินค้าและกระจายสินค้าเอง โดยเฉพาะทุนต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจในไทย
ในการประชุมครั้งนี้ ต้องเริ่มจากการล้อมกรอบให้ต่างชาติรู้ว่าอะไรทำได้ ไม่ได้ ส่วนการจะใช้มาตรการตอบโต้ทางการค้าในยุคการค้าเสรีอย่างปัจจุบัน ถือว่าเลยจุดนี้ไปแล้ว จึงต้องมาพิจารณาการบังคับใช้กฎหมายที่ทุกหน่วยงานมีอยู่ จะทำอะไรได้บ้าง มีกฎหมายอะไรที่จะต้องทำเพิ่มเติม ซึ่งแนวทางที่จะนำเสนอ ในด้านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ มีกฎหมายภายใต้กระทรวงดีอีดูแล เรื่องภาษี มีกระทรวงการคลังดูแล เรื่องมาตรฐานสินค้า มีกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุขดูแล หรือมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี มีกระทรวงพาณิชย์ดูแล หรือในระยะสั้น จะพิจารณาใช้มาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (เซฟการ์ด) ได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนมาตรการตอบโต้การทุ่ม (เอดี) และมาตรการตอบโต้การอุดหนุน ต้องใช้เวลาในการพิจารณาและเปิดไต่สวน ซึ่งใช้เวลานานเป็นปี กว่าจะเก็บภาษีได้
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า หน่วยงานรัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ที่จะเข้าประชุม อาทิ กรมการค้าต่างประเทศ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตัวแทนสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทย สมาคมชิปปิ้งแห่งประเทศไทย สมาคมค้าส่งค้าปลีก สมาคมธุรกิจด้านท่องเที่ยว ผู้ประกอบการเกี่ยวข้องด้านการศึกษา ด้านวิศวกรรมและสถาปนิก เป็นต้น
ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์ได้นัดหารือกับหน่วยงานภาครัฐและสมาคมการค้า ทั้งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่มีสมาชิกครบทุกแขนง ซึ่งแต่ละหน่วยงานก็กลับไปทำข้อมูลและมีการลงพื้นที่ตรวจสอบปัญหาตามที่ได้มีการร้องเรียน อีกทั้งกระทรวงพาณิชย์ ได้มีการทยอยเรียกตัวแทนสมาคมธุรกิจไทยเข้ารับฟังสถานการณ์แล้ว อาทิ เซรามิก เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม รองเท้า วัสดุก่อสร้าง ของใช้ส่วนบุคคล เป็นต้น
สำหรับมาตรการเร่งด่วนที่จะหารือลงลึกในรายละเอียดและแนวทาง อาทิ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) มีกฎหมายบังคับให้ผู้ประกอบการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ทุกประเภท ต้องมาจดแจ้งให้ทราบภายใต้ พระราชกฤษฎีกาการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล พ.ศ.2565 มาตรา 18 (2) และ (3) ที่สามารถดูแลครอบคลุม แพลตฟอร์มดิจิตัล และกำลังตรวจเช็กแพลตฟอร์มดิจิทัลรายใหม่ มีลูกค้าในไทยและมีการธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ ผ่าน Electronic Transaction ในไทย แม้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซไม่ได้ตั้งอยู่ในไทย แต่ดูในเรื่องบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลใด มีลักษณะเฉพาะ อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อความมั่นคงทางการเงินและการพาณิชย์ ความน่าเชื่อถือและยอมรับในระบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือความเสียหาย อาจเกิดขึ้นต่อสาธารณะชน และมีผลกระทบในระดับสูง อาจเกิดขึ้นจากการประกอบธุรกิจของแพลตฟอร์มรายนั้น สามารถใช้กฎหมายฉบับนี้ดูแลได้ รวมถึงมีการหยิบยกกรณีหลายประเทศนำสินค้าที่แพลตฟอร์มจีนไปตรวจสอบ หากพบว่า มีส่วนประกอบสินค้าที่อาจก่อความปลอดภัยต่อผู้บริโภค ก็สามารถสั่้งระงับการขายได้